วันนี้นึกถึงภาพตอนไปถ่ายสัมภาษณ์นิตรสารเล่มนี้ เหตุเพราะนักฟุตบอล Fabrice Muamba ฟุบล้มลงคาสนามเมื่อคืนนี้

ช่วงนั้นทีม บก.นิตยสารติดต่อขอสัมภาษณ์มาหลายครั้ง แต่..เราขอเลื่อนไปหลายรอบ ไม่ใช่หยิ่ง เพราะไม่ใช่คนดังคิวทองแต่อย่างไร

แต่เหตุที่ต้องเลื่อนนัดหลายครั้ง เป็นเพราะ..ติดภารกิจต่อเนื่องอยู่ภาคสนาม”ภารกิจของผู้หญิงข้างถนนเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์” เราเลื่อนนัดจนเกรงใจ จนสุดท้ายทีม บก.บอกว่าจะต้องปิดเล่มให้ทัน ถ้าเราไม่สามารถไปทำตัวแต่งสวยให้เขาถ่ายรูปที่ สำนักพิมพ์ เขาจะยกกองมาสัมภาษณ์ที่มัฆวานฯแทน

ทำให้เราต้องบอกว่า “ฟังนะ พี่ให้สัญญาว่าจะไม่มีการเลื่อนนัดใดๆเกิดขึ้นอีก ถ้าจบจากการพยายามสลายการชุมนุมในสมัยสมัคร สุนทรเวช..เป็นนายกฯในวันนั้น ถึงพี่จะอยู่ในสภาพไหน ก็ยินดีให้มาถ่ายทำสัมภาษณ์ได้ เพียงแต่ช่วงนี้พี่ไปไหนไม่ได้เลย และการที่จะให้พวกคุณมาในที่ชุมนุมตอนหน้าสิ่วหน้าขวาน พี่ไม่กล้า พี่รับผิดชอบชีวิตพวกคุณไม่ได้”

ช่วงเวลานั้น แทบลืมคำว่า”พักผ่อน นอนหลับ” หลีงไม่เคยสัมผัสที่นอนแสนสบายที่บ้าน ไม่เคยนอนบ้านเลย อย่างมากคือกลับมาอาบน้ำ เจอหน้าลูกสาวบ้างและก็ต้องออกไป

เกินกว่า 48 ชั่วโมงได้นอนสักงีบ คือสิ่งที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ ชีวิตที่เป็นคนป่วยโรคหัวใจเคยผ่านช่วงเวลาวิกฤตินาทีชีวิตมาแล้ว ลืมพับทิ้งไว้ได้เลย แต่แอบกินยา ทั้งยาหัวใจ ยาแก้แพ้อากาศ เพราะเราแพ้”ฝุ่น”ขั้นรุนแรง แต่สู้ ดังนั้นยาเพียบ และใจสู้ด้วยกระมัง ลืมความทุกข์ร้อนของร่างกายตัวเองไปหมด

ตำรวจจะเข้าสลายการชุมนุมช่วงเช้า แต่ทั้งคืนจะเป็นสงครามจิตวิทยา ข่มขวัญให้กลัว ถ้าเกิดความกลัวเมื่อไหร่คือการพ่ายถอย แต่..ความรู้สึกต่างๆเหล่านี้ไม่มีให้ปรากฏในใจของทุกคน

ตอนเช้าจรดบ่ายของวันรุ่งขึ้น เราร่วมกับ”การ์ดส่วนหน้า” ประชิดกับตำรวจตระเวนชายแดนอยู่บนพื้นที่คนละครึ่งของสะพานมัฆวานรังสรรค์ ท่ามกลางแดดจ้า ที่ไม่มีใครคิดจะถอยแม้แต่ก้าวเดียว

เหตุการณ์”วัดใจ”ผ่านไปด้วยดี ทั้งที่คำสั่งยิงแก๊สน้ำตา กาบรรจุกระสุนเตรียมยิง เรามองเห็นตลอดอยู่เบื้องหน้า แต่ต้องยอมรับนะว่า ถึงจะผ่านแต่ละช่วงเวลาเหล่านี้มาได้ เหนื่อยล้าพอควร

ค่ำนั้นไปทานข้าวกับ”นิตยา พันธมิตรตาก และน้องโรจน์”ที่สโมสรสนามม้านางเลิ้ง เริ่มอาการไม่ดี. ออกปากกับนิตยาว่า มีไทนินอลมั้ย เหมือนจะเป็นไข้ ทานข้าวเสร็จเดินกลับมาที่รถ จอดอยู่ข้างถนนไม่ไกลจากสะพานมัฆวานฯ เดินมากับน้องโรจน์

ปรากฏว่า..จู่ๆเรารู้สึกเหมือนหมดแรง แต่ไม่มีอาการเป็นลมมาก่อนแต่อย่างไร แค่รู้สึกตัวร้อน และไข้ขึ้นเร็วมาก จากที่รู้สึกร้อน อยู่กับแสงแดดที่แผดเผามาตลอดวัน ทำไมคืนนี้รู้สึกหนาวมาก ทั้งที่เหงื่อท่วมตัว อากาศคงอบอ้าวเกินไป เหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมานั้นแหละ อยู่กับสภาพแบบนี้จนร่างกายชินแล้ว จะป่วยแค่ไหนก็เหมือนไม่ป่วย

นาทีนั้น เรากำลังเดินอยู่ข้างถนน แต่..จังหวะที่กำลังก้าวเดิน เกิดหมดแรงและเข่าสองข้างล้มลงกระแทกพื้นถนนเต็มที่ แต่ไม่หมดสติ รู้สึกเหนื่อย เพลีย หมดแรง อาการแค่คนเป็นไข้ทั่วไป ตัวร้อน

แค่การที่วูบลงไปแบบนั้น เข่าสองข้างกระแทกพื้นอย่างแรง ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่กระดูกเข่า แผลภายนอกที่เลือดซิบๆดูจะไม่ทำให้ตกใจใดๆ เท่าปวดเข่าอย่างรุนแรงจนเดินต่อไปไม่ได้

คืนนั้นได้กลับบ้านอย่างทุลักทุเล และจะมีโอกาสได้หลังแตะผิวที่นอนอันแสนนุ่มสบายที่บ้าน คือ ภาวะยามที่ร่างกายเกิดวิกฤติแบบนี้เท่านั้น

จะทำยังไงอีกสิงวันต้ิงไปสัมภาษณ์ จะไม่ผิดคำพูด!!

เราไปจริงๆ ท่ามกลางความว้าวุ่นใจของบรรดาทีมงาน ไปถึงสำนักพิมพ์ น้องๆมาต้อนรับอย่างดี มาประคอง เพราะต้องรีบพาไปแต่งหน้า ทำผม และต้องเปลี่ยรเสื้อผ้าหลายชุด ..นั้นคือแพลนงานของทีมงาน

แต่เราบอกว่าไม่ต้องทำผม แต่งหน้า ที่พี่แต่งหน้ามานี้ พอรับไหวมั้ย คือสภาพร่างกายแย่มาก จะให้เดินไปถ่ายรูปมุมไหนของสวน ต้องประคองกันไป ..ปวดทรมานมากอ่ะค่ะ แต่สงสารทีมงานมาก ที่เราทำภาพที่ควรจะต้องปรากฏต่อสายตาสาธารณะผิดรูปแบบของ ค่ายหนังสือยักษ์ใหญ่ ที่ต้องเนี๊ยบทุกกระเบียดนิ้วกับผลงาน

จากภาพนี้…ฉันตัวบวม จากแสงแดด และกินยาแก้ปวดกระดูก พิงอยู่มุมเสานี้ กัดฟันเชียวนะคุณ เพราะสวนเขาใหญ่มาก กว่าจะเดินมาถึง ปวดค่ะปวด แต่ต้องถ่ายรูปเยอะ เพราะหนังาือลงรายปักษ์ต่อเนื่องสองเล่ม เสื้อผ้า หน้าผม ต้องเปลี่ยนอย่าน้อยสองชุด

แต่เราไม่มีมาดของคนสวยที่พร้อมจะเตรียมตัวให้ถูกบันทึกภาพเอาเสียเลย

รู้สึกสงสารทุกคนที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับชีวิต ที่ฉันไม่ด้อย่างใจเอาซะเลย เพราะความเป็นจริงเบื้องหลังภาพนี้ ทรมานกว่าจะอธิบาย ไม่ใช่แค่ปวดเข่า เดินลำบาก แต่หัวใจยังเต้นเร็วมากผิดปรกติ ความดันโลหิตสูง

หลังจากนั้น เราไม่รับงานที่เข้ามาขอถ่ายหรือสัมภาษณ์อะไรอีกเลย เกรงใจอย่างที่สุด อยากนะ อยากแต่งตัวสวยๆ แต่งหน้าเนี๊ยบๆมีรูปอยู่บนพื้นที่ต้องนิตยสารต่างๆเหมือนสมัยวัยรุ่นที่เคยเกือบได้เป็นนางแบบเป็นงานประจำ แต่พ่อไม่ปลื้ม

แต่เวลาชีวิตของเรา ไม่ค่อยได้เป็นระเบียบเหมือนชีวิตคนปรกติทั่วไป นัดกันไว้คิดว่าว่าง ก็มีเหตุให้ต้องไปทำอย่างอื่นที่คับขัน พอเมื่อคืนดูภาพที่นักฟุตบอลล้มฟุบไปกลางสนามแข่งขัน ฉันภาวนาให้เขารู้สึกตัว และหายเป็นปรกติในวันหนึ่ง ขอให้”ปาฎิหารณ์” เกิดขึ้นกับชีวิตของทุกคน

ทุกชีวิตมีค่ามากจริงๆค่ะ ในฐานะที่ฉันมีโอกาสเป็นแม่คน กว่าฉันจะเลี้ยงลูกให้ผ่านไปได้แต่ละวันอย่างที่เขาควรจะต้องมีความสุขและปลอดภัย จะต้องใส่ใจดูแลอย่างใกล้ขิด และเสียสละอย่างมาก

ขอให้คุณได้ตื่นขึ้นมา Fabrice Muamba ครอบครัวอันเป็นที่รัก พวกเขารอการกลับมาของคุณอยู่ค่ะ